หลังจากอธิษฐานจิตก่อนนั่งสมาธิแล้วเขาสอนกันว่าก่อนนั่งสมาธินั้น ให้ตั้งคำถามขึ้นในใจว่า 'ใครคือผู้รู้' แต่ไม่ต้องไปอยากรู้คำตอบอะไร ให้กำหนดจิตไว้ตรงฐานที่ตั้งของจิต แล้วนึกคำบริกรรม ไปจนกว่าจะหมดเวลาตามที่กำหนดไว้ หลังจากนั้นผู้เขียนพยายามค้นหาจุดพลังอำนาจ ก็ต้องจับตัวผู้รู้ให้ได้ก่อน ได้ถามว่า 'ใครคือผู้รู้' ทุกครั้งก่อนนั่งสมาธิแต่รู้สึกว่ามันว่างเปล่า จึงพยายามหาวิธีการ วันหนึ่ง เมื่อ พ.ศ.2548 ได้ลืมถามว่า 'ใครคือผู้รู้' มานึกได้เมื่อได้ทำสมาธิไปสักระยะหนึ่งแล้ว บางทีเขาเคาะกริ่งเลิกแล้วจึงนึกขึ้นได้ว่าลืมถามไปแล้วว่า 'ใครคือผู้รู้' จึงได้ถามตอนกริ่งดังนั่นเอง จากเหตุการณ์เหล่านี้ ทำให้ผู้เขียนได้สังเกตุพบว่าการถามว่า 'ใครคือผู้รู้' ในครั้งนั้นจิตใจมันแนบแน่น มั่นคงดี จึงได้รู้ว่าวิธีนี้น่าจะได้ผล จึงแอบทำแบบนี้อยู่ลำพังเป็นเวลานาน จนแน่ใจว่าวิธีนี้จะทำให้พบตัวผู้รู้ได้เร็วขึ้น เพราะอะไร ก็เพราะว่า เมื่อก่อนนั่งสมาธิเขาสอนว่าให้ตั้งคำถามในใจว่า 'ใครคือผู้รู้' ผู้เขียนเรียนจบครูสมาธิ รุ่นที่ 13 เตรสโม เพชรมงคล (ภาคพิเศษ) เสาร์-อาทิตย์ วันธรรมมงคล เข้าก็สอนกันมาอย่างนี้
พอดีมีโอกาสสอนได้แนะนำนักศึกษาครูสมาธิทั้งหลายว่า ผู้สอนเองได้ใช้วิธีการถามหาตัวผู้รู้ที่เฉพาะส่วนตัวใครจะนำไปใช้ทำดูได้ และนำมาเปรียบเทียบดูว่าแบบไหนได้ผลดีกว่ากันคือ เมื่อจะนั่งสมาธินั้นไม่ต้องรีบทำหลังจากอธิษฐานจิตก่อนนั่งสมาธิแล้วให้ค่อยๆตะล่อมจิตสำรวจตัวเองว่าเรานั่งแบบไหนมือเท้าวางไว้อย่างไร หลังจากนั้นให้ค้นหาฐานที่ตั้งของจิต เมื่อพบแล้วให้นึกคำบริกรรมพุทโธ ๆ สัก 2-3 ครั้ง แล้วจึงกำหนดจิตตั้งคำถามในใจขึ้นว่า 'ใครคือผู้รู้' หลังจากนั้นให้กลับมานึกพุทโธ ๆ ต่อไปจนครบตามเวลาที่กำหนด ไม่ต้องไปสงสัยอยากรู้คำตอบนั้น การที่เราบริกรรมพุทโธ ๆ ไประยะหนึ่งแล้วใครก็ตามที่สามารถพบตัวผู้รู้ได้นั้น จึงเป็นการง่ายมากที่จะพบจุดพลังอำนาจ นี่คือความจริง และประสบการณ์ที่ได้พบมาด้วยตนเอง ใครจะว่าอวดเก่ง หรืออะไรก็ตาม ยังงัยความจริงก็คือความจริงจึงได้บันทึกไว้เป็นหลักฐาน ใครจะนำไปใช้ก็ไม่หวงแหนเลยครับ
ทองใหญ่ อ.
|