ปี พ.ศ.2541 เป็นช่วงเริ่มต้นการใช้ชีวิตของผู้เขียนในรั้วมหาวิทยาลัยรามคำแหง หลังจากทำงานมานานจึงได้เข้ามาใช้ชีวิตนักศึกษาอีกครั้ง ไปอยู่ที่ใดผู้เขียนจะสวดมนต์นั่งสมาธิเป็นกิจวัตรประวันอยู่แล้ว เมื่อได้มาเรียนวิชาหนึ่งคือ วิชาจิตวิทยา เขาสอนเกี่ยวกับจิตใต้สามัญสำนึกของมนุษย์ ทำให้ผู้เขียนอยากทราบว่าเวลาคนเราฝันนั้นจิตของเราไปอยู่ที่ไหน ทำไมคนเราถึงฝัน ผู้เขียนได้คอยสังเกตตอนนอนหลับว่าทำไมคนถึงฝันได้ จิตเราไปอยู่ที่ไหนในขระที่มีความฝัน ได้พยายามสังเกตอยู่ทุก ๆ วัน จนสามารถรู้ขึ้นมาว่าตอนนี้เรากำลังฝันอยู่ วันต่อมาก็รู้ว่าเมื่อฝันไปแล้วในความฝันนั้นเราสามารถบังคับตัวเองได้ เช่น เมื่อเกิดฝันว่ามีการต่อสู้กันอยากจะบินก็กางแขนกระพื้อแขนเหมือนนกก็สามารถบินได้ อยากเหาะไปไหนก้ได้ เวลาเดินจะก้าวไปที่ไกล ๆ ก็ไปได้ทันที เมื่อทำแบบนี้นานเข้า ๆ ก็สามารถรู้ได้ว่าขระที่เราฝันอยู่มีความรู้สึกตัวในความฝันแล้ว สามารถบังคับจิตให้ทำอะไรตามที่ใจต้องการก็ได้แล้ว ยังพบอีกว่าขระที่เราฝันอยู่สามารถรู้อีกว่ายังมีความฝันอีกชั้นหนึ่ง เมื่อเอาจิตตามเข้าไปดูอีกก็สามารถรู้อีกว่ายังมีความฝันอีกชั้นหนึ่งอีก แสดงว่ามีความฝันเกิดขึ้นหลายชั้นมาก
เมื่อปี พ.ศ. 2546 ผู้เขียนได้มีโอกาสมาเรียนหลักสูตรครูสมาธิ ณ วัดธรรมมงคล กทม. ทำให้ทราบว่าภวังค์ในภวังค์ที่ผู้เขียนได้พบโดยการสังเกตตอนนอนหลับโดยบังเอิญนั้น จริง ๆ แล้วสามารถเข้าถึงได้ด้วยสมาธิ และเป็นการทำงานในภวังค์ของคนที่มีความชำนาญในการเข้าออกภวังค์จนนับครั้งไม่ถ้วนแล้วจึงจะสามารถทำได้ แต่ผู้เขียนก็สามารถทำได้ด้วยความบังเอิญเท่านั้น เพราะเมื่อก่อนที่จะมาเรียนครูสมาธิผู้เขียนไม่รู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นคืออะไร เรียกว่าอะไร มันเกิดขึ้นมาได้อย่างไร และมีประโยชน์อย่างไร ทำให้เข้าใจได้อย่างชัดเจนแจ่มแจ้งมายิ่งขึ้น อย่างที่เราเคยผ่านมาแล้วก็ถึงบางอ้อเลยครับ หลวงพ่อท่านสอนละเอียด แจ่มแจ้ง ชัดเจน ไม่ปิดบังอำพรางเราเลย เป็นบุญแท้ ๆ ที่ได้มาเรียนครับ
ทองใหญ่ อ.
|