ต่อ
เหมือนจิตมันจะยิ้ม ๆ ตลอดเวลารู้สึกแปลก เดินนี้เหมือนตัวเบาสบาย แต่ไม่ทราบเกิดอะไรขึ้น ไม่เคยเป็นแบบนี้ ไม่รู้จะไปถามใครดี นึกคิดได้ว่ามีศิษย์หลวงปู่เทศน์มาอยู่ด้วยต้องไปถามท่านให้ได้ จึงเดินเข้าป่าไป ผ่านที่เก็บโกศอัฐิก็รู้สึกเฉย ๆ ปกติเดินเข้าป่าก็จะไม่กล้าเข้าไปมืด กลัวเสือแต่วันนี้รู้สึกเฉย ๆ เกิดปีติอิ่มใจ ตลอดเวลา เพราะสังเกตดูจิตใจตลอดเวลาตั้งแต่ออกจากสมาธิ พอเดินเข้าไปลึกไปถึงกุฎิท่าน ๆ เชิญให้นั่งเราก็ยกมือถามว่าครูบาวันนี้ผมไม่รู้เป็นอะไร ปกติเดินมาผีก็กลัว เสือก็กลัว ผมจะมาหาครูบาหลายครั้งแล้วเดินมาครึ่งรู้สึกกลัวเสือกลัวผีก็เดินกลับทุกที แต่ทำไมวันนี้แปลกจัง จิตวางเฉยไม่กลัวอะไรเลยแถมจะยิ้ม ๆ อยู่ตลอดเวลา คำตอบที่ท่านแนะนำถือว่าเป็นสิ่งมีค่ามาก ท่านบอกว่าคุณจิตรวมแล้วน่ะ ไม่ใช่ว่าใครจะทำได้ขนาดนี้ทุกคนน่ะ ท่านแนะนำต่อว่าให้ลองกลั้นหายใจดูซิ ผมก็ทำตาม ท่านถามว่าเป็นยังงัยบ้าง ผมก็ตอบไปว่า เฉย ๆ ไม่รู้สึกอะไร ท่านว่าไม่อึดอัดอะไรเลยเหรอ ผมตอบว่าเปล่าครับ ท่านจึงให้กลั้นลมหายใจสัก 20 นาที เสร็จแล้วถามต่อ ผมก็ตอบว่าเฉย ๆ ไม่รู้สึกอึดอัดหรือหายใจไม่ออกแต่อย่างใด แม้จะกลั้นลมหายใจนานแค่ไหนก็ตาม เออ แปลกดี ท่านบอกว่าจิตมันรวมไปถึงฌาน 4 จิตจึงวางอุเบกขา จิตมันก็รวมแม้กระทั่งนอนหลับ เดินไปบิณฑบาตเดินตัวลอยเลย จิตมันก็เกิดความอิ่มใจตลอดเวลา เป็นอย่างนี้อยู่หลายวัน เจอหน้ากันทีรัยครูบารูปนี้จะถามตลอดว่าเป็นงัยบ้าง ยังอยู่มั้ย พอท่านถามเราก็กลั้นลมหายใจดู ก็ยังอยู่ครับ จนบางวันไม่กินข้าวเลยไม่หิวมันอิ่มใจ บางที 3 วัน ไม่กิน เดินไปไหนทำอะไรก็ตาม จะพยายามกลั้นลมหายใจเช็คจิตอยู่เสมอ แต่มีวันหนึ่งกำลังอ่านหนังสือ พอดีมีแมลงหวี่มาตอมที่ตา ก็เ ามือปัดไล่ให้มันหนีไป ปรากฎว่า จิตมันถอนออกไป จากฌานอันนั้นทันที เช็คจิตดี กลั้นลมหายใจนิดเดียวรู้สึกอึดอัดขึ้นมาทันที ความอิ่มใจก็หายไปทันที มานั่งพิจารณาดู เอเพราะอะไร มารู้ขึ้นมาเพราะมีอารมณ์เข้ามากระทบใจอย่างรุนแรงฌานจึงเสื่อม (ฉะนั้น การแก้ไขคนที่หลงอยู่ในฌานมาก ๆ เขาก็แก้ด้วยการด่าแรง ๆ หรือไม่ก็ทำให้เกิดอารมณ์เข้ามากระทบใจอย่างรุนแรงฌานก็จะเสื่อมเอง) สังเกตดูจากตัวเอง อันนี้เป็นประสบการณ์ตรงที่มีค่า หาที่ไหนไม่ได้ หลังจากวันนั้นพยายามทำสมาธิให้จิตรวมเหมือนเดิมพยายามอยู่หลายครั้งก็จิตไม่รวมเสียที พอจิตจะรวมเราก็ไปเดามันเสียก่อนว่าจะต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ที่นี่เริ่มกังวลเพราะทำให้จิตรวมไม่ได้ จึงเข้าไปปรึกษาหลวงปู่วิชาญ ท่านเป็นเจ้าอาวาสขณะนั้น (ปัจจุบันมรณภาพ อัฐิท่านกลายเป็นพระธาตุแล้ว) ผมเข้าไปถามท่าน ท่านชมว่าเราเก่งที่ทำได้ขนาดนี้แต่การจะทำให้จิตรวมเหมือนเดิมมันยากเพราะเราไปนีกอยากเสียก่อน ท่านเล่าว่าผมเองติดตรงนี้เหมือนคุณมาตั้ง 4-5 ปี กว่าจะแก้ได้ นึกอยากให้มันรวมมันก็ไม่รวมหรอกท่านว่า ต้องละความอยากอันนี้ออกและอย่าไปเดาเสียก่อน กราบลาท่านก็กลับไปเดินจงกรมนั่งสมาธิทั้งกลางวันหนีเข้าป่าไปเดินจงกรมจนบ่ายสามออกมากวาดขยะ กลางคืนก็เดินจงกรมนั่งสมาธิ ทำยังงัยจิตก็ยังไม่รวม จึงนึกว่าไม่นอนหลายวันล้มตัวแบบตัดพ้อว่าไม่รวมก็ช่างมันนอนก่อนดีกว่า พอล้มตัวลงนอนระหว่างกึ่งนั่งกึ่งนอนจิตมันรวมเหมือนเดิมทันที จึงนอนหลับไปตื่นมาจิตมันก็รวมเหมือนเดิมทุกอย่าง ที่เล่ามาไม่ใช่โอ้อวดอะไรครับ เล่าเป็นคติเตือนใจ อย่างน้อยคงจะเป็นประโยชน์กับคนอื่นบ้างไม่มากก็น้อยครับ สาธุ
|