วันที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553 เป็นวันเริ่มชีวิตการทำงานใหม่ ณ บริษัท พูลธนา พาร์ท แอนด์ โมลด์ จำกัด ณ นิคมอุตสาหกรรมเวลโกรว์ ผู้เขียนต้องนั่งรถเมล์ไปลงซอยวัดศรีวารีน้อย ข้างมหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ เพื่อนั่งรถตู้รับ-ส่งพนักงาน ซึ่งตอนเช้าพนักงานต้องเตรียมอาหารไปทานเองทั้งมื้อเช้าและเที่ยง เพราะที่บริษัทไม่มีร้านค้าขายอาหาร ผู้เขียนได้ซื้ออาหารเตรียมไว้เหมือนพนักงานท่านอื่น ๆ ระหว่างรอรถจะมาถึงจึงได้วางถุงอาหารไว้บนเบาะรถอีกคันหนึ่งซึ่งเป็นรถกระบะแบบต่อเติมหลังคา ส่วนกลุ่มผู้เขียนต้องนั่งรถตู้ซึ่งขณะนั้นยังมาไม่ถึง ปรากฏว่าระหว่างไปเข้าห้องน้ำมีมือดีมาแกล้งหิ้วถุงอาหารนั้นไปเสีย ถามใครก็ไม่มีใครเห็นไม่มีใครรู้เรื่อง
ทำให้ผู้เขียนหงุดหงิดไม่ใช่น้อยเลย เพราะมีความกังวลอยู่ในใจ ขณะนั่งรถตู้จึงต้องทำสมาธิไปด้วยตลอดทาง อย่างที่หลวงพ่อวิริยังค์สอนว่า สมาธิระหว่างเดินทางเราก็ทำวิทิสาสมาธิได้ ผู้เขียนก็ได้ทำสมาธิไปตลอดทางจนความหงุดหงิดหมดไปจิตนิ่ง สว่างไสว จึงได้ทวนกระแสจิตมาที่ตัวผู้รู้แล้วเพ่งจิตออกไปในขณะนั้นว่า 'ถงอาหารเราหายไปไหนกัน' ปรากฏว่ามองเห็นภาพอาหารถุงนั้นวางอยู่บนโต๊ะแห่งหนึ่ง พอใกล้ถึงบริษัท ก็ได้ออกจากสมาธินึกแผ่เมตตาอยู่ในใจ พอลงจากรถเพื่อไปแสกนนิ้วมือเพื่อบันทึกเวลาเข้างาน ก็ไปเห็นถุงอาหารของผู้เขียนวางอยู่บนโตีะจริงๆ ถามพนักงานว่าใครเอามาวาง ก็ไม่มีใครกล้าพูด แสดงว่ามีคนมาหยอกผู้เขียนเล่นนั่นเอง ได้รำพึงในใจคนเดียวว่า โอ แม่นจริง ๆ
ทองใหญ่ อ.
|