สถิติ
เปิดเมื่อ24/05/2012
อัพเดท8/10/2015
ผู้เข้าชม270094
แสดงหน้า317810
สินค้า
ปฎิทิน
May 2025
Sun Mon Tue Wed Thu Fri Sat
    
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31




พบฐานทีตั้งเดิมของจิต

อ่าน 646
เมื่อประมาณ พ.ศ. 2542 ขณะนั้นผู้เขียนเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหง ระหว่างปิดภาคเรียนได้มีโอกาสชวนเพื่อนๆประมาณ 7 คนไปปฏิบัติธรรมกับหลวงพ่อจรัญ  วัดอัมพวัน  จ.สิงห์บุรี  และถือเป็นครั้งแรกที่ได้มาที่วัดแห่งนี้ วัดนี้เป็นแนวปฎิบัติธรรมแนวสติปัฎฐาน 4 เขาว่าอย่างกันอย่างนั้น การปฎิบัติมีการเดินจงกรมยืน.....หนอ 5 ครั้ง แล้วเดินขวาย่าง...หนอ ซ้ายย่าง...หนอ การเดินก็เดินย่อง ๆ ช้า ๆ แบบต่อเท้า เอามือไขว้หลัง และเวลานั่งสมาธิให้นึกคำบริกรรมยุบหนอ พองหนอ อย่างประเทศพม่าเขาบริกรรมว่า  (ป็องโด๋แป๊งเด๋) โดยเอาสะดือเป็นจุดศูนย์กลางจากบนลงล่างจากล่างขึ้นบนและใช้ลมหายใจเข้าท้องพองหายใจออกท้องออก เขาบอกว่าแบบนี้เป็นการทำวิปัสสนา เห็นความเกิดดับ ที่ผู้เขียนมาก็เพราะอยากรู้ว่ามีวิธีการอย่างไร จึงมาเพื่อพิสูจน์ความจริง ก็เป็นการเจริญสติโดยทั่วไป
ครั้งที่ 2 ผู้เขียนได้เดินทางไปปฎิบัติธรรมที่นี่คนเดียว เป็นเวลา 3 วัน เมื่อครบกำหนดแล้วได้นั่งรถทัวร์กลับกรุงเทพมหานตร ระหว่างที่นั่งอยู่บนรถได้กำหนดดูจิตใจตนเองเป็นอย่างไรบ้าง หลังจากที่ได้มาปฎิบัติธรม ปรากฎว่าจิตได้วิ่งไปตั้งอยู่ตรงหน้าผาก รู้สึกหน่วง ๆ นิ่งรู้อยู่บริเวณนั้น สักพักจิตเกิดความปีติ รู้สึกเอิบอิ่มใจตลอดเวลา เหมือนคนจะยิ้ม ๆ อย่างสุขใจอยู่ตลอดเวลา แม้อารมณ์ใด ๆ ที่เข้ามากระทบใจ   ก็ไม่สามารถเข้าสู่ใจได้เลย เหมือนมีอะไรมาเป็นโล่กั้นเอาไว้ไม่ให้เข้าไปถึงใจได้ จนเดินทงถึงที่พักในกรุงเทพฯ จิตก็ยังนิ่งเบาสบาย มีความสุขตลอดเวลาทั้งกลางวันและกลางคืน ไม่มีความรู้สึกหิวข้าว ไม่รู้สึกห่วงนอนอะไรเลย ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ทำสมาธิแต่อย่างใด ขณะนั่งดูทีวีก็เหมือนจิตเราแยกจิตออกจากกายได้เหมือนมันอยู่คนละส่วนกัน ไม่มีความรู้สึกสะเทือนอารมณ์ มันปราศจากอารมณ์ทุกอย่าง นิ่งเฉย มีอุเบกขา วางใจกลาง ๆ ตลอดเวลาเมื่อมีอารมณ์ใด ๆ เข้ามาสัมผัสก็ตาม เป็นอยู่อย่างนั้น เกือบ 7 วัน กว่าจะค่อย ๆ สลายคลายอารมณ์เหล่านั้นไปได้หมด 
จนกระทั่งเมื่อปี พ.ศ. 2546 ผู้เขียนได้มาเรียนหลักสูตรครูสมาธิ กับพระอาจารย์หลวงพ่อวิริยังค์ ด้วยแรงอธิษฐาน จึงทำให้ทราบในภายหลังว่าที่เคยเป็นอย่างนั้น ก็เพราะได้ค้นพบฐานที่ตั้งของจิตโดยบังเอิญ ซึ่งในอดีตชาติอาจจะเคยวางจิตไว้ตรงบริเวณหน้าผากมาก่อน ผู้เขียนจึงได้วางจิตตรงบริเวณหน้าผาก มาจนกระทั่งปัจจุบันนี้ และการที่มีความสุข เหมือนจิตจะยิ้มอยู่ตลอดเวลา 7 วัน นั้นทั้งที่ไม่ได้ทำสมาธิใด ๆ ก็เพราะผู้เขียนได้สัมผัสกับรสชาติของอารมณ์ของฌานนั่นเอง บางถึงบางอ้อหายสงสัยไปเสียสิ้น ก็ตอนได้มาเรียนสมาธิกับพระอาจารย์หลวงพ่อวิริยังค์นี่แหละครับ คงจะเป็นคติเตือนใจสำหรับนักปฎิบัติธรรมทั้งหลายไม่มากก็น้อย

ทองใหญ่ อ.